
南陽堂
โหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง
“ตรุษจีน” วันแห่งการเฉลิมฉลองความมงคลที่มีมาอย่างยาวนาน

เทศกาลตรุษจีน หรือ ปีใหม่จีน เป็นหนึ่งในเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอีกเทศกาลหนึ่ง โดยเทศกาลนี้จะอยู่ในช่วงวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน
ทำความรู้จัก ตรุษจีน วันมงคลที่ชาวจีนให้ความสำคัญมากที่สุด
หากกล่าวถึงวันขึ้นปีใหม่ หลายคนก็จะนึกวันที่ 1 มกราคม ซึ่งเป็นวันปีใหม่สากลที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ แต่คงไม่ใช่สำหรับชาวจีน เพราะชาวจีนนั้นมีวันปีใหม่เป็นของตัวเองมาอย่างยาวนานร่วม 4 สหัสวรรษ (4,000ปี) ที่เรียกกันว่า “วันตรุษจีน”
สาเหตุที่ชาวจีนไม่ยึดถือเอาวันที่ 1 มกราคม ขึ้นมาเป็นวันปีใหม่นั้นก็มีที่มาจากการที่ เดิมทีแล้วประเทศจีน ไม่ได้มีการใช้ปฏิทินสุริยคติเหมือนกับประเทศทางฝั่งตะวันตก แต่ประเทศจีนนั้นใช้ปฏิทินที่มีการคิดค้นขึ้นมาเองภายในประเทศเรียกว่าปฏิทินจันทรคติจีน ทำให้วันที่ 1 เดือนมกราคม จะยังคงอยู่ในเดือนที่ 12 ตามปฏิทินหรือเรียกกันว่าเสียวฮั้ง (小寒) และเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศมีความหนาวเย็น และเป็นช่วงการผสมพันธ์ของสัตว์นานาชนิดจึงไม่นิยมจัดงานเฉลิมฉลองกันเท่าใดนัก
พิธีการงานมงคลช่วงฤดูหนาวของชาวจีนก่อนถึงวันปีใหม่
แต่ในช่วง 15 วันสุดท้ายของปี หรือไต้ฮั้ง (大寒) ซึ่งแปลว่า ช่วงเวลาที่มีอากาศหนาวเป็นอย่างมาก ชาวจีนจะจัดกิจกรมมมงคล อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
การไหว้เทพเจ้าเตา ในวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจีน เพื่อความเป็นสิริมงคลของคนในครอบครัว และการทำความสะอาดซ่อมแซมบ้านเรือนให้เรียบร้อยรวมถึงเตรียมพร้อมจัดแจงของไหว้เพื่อรอรับวันปีใหม่ที่จะมาถึง ซึ่งก็คือ วันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจีนที่ถือเป็นการขึ้นฤดูกาลใหม่ อย่าง ฤดูใบไม้ผลิ

ตำนานตรุษจีน กำเนิดประเพณีตรุษจีนในปัจจุบัน
-
เหนียน (年) ปีศาจในตำนาน ที่มาของวันตรุษจีน
จุดเริ่มต้นของการกำเนิดวันตรุษจีน มีที่มาจากตำนานปกรนัม ซึ่งเกี่ยวข้องกับปีศาจร้ายอย่าง “เหนียน” ( 年 ) หรือ ตัวเหนียน เป็นปีศาจที่มีนิสัยดุร้ายอาศัยอยู่ในทะเลลึกและมักจะขึ้นมาจากใต้ทะเลเพื่อไล่จับมนุษย์กินเป็นอาหารในช่วงคืนวันสิ้นปี ก่อนจะกลับลงทะเลไปในวันปีใหม่ ทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนต้องพากันไปซ่อนตัวในถ้ำเพื่อไม่ให้ถูกตัวเหนียนจับกิน บ้างก็ว่ามีการปิดบ้านมิดชิดแล้วร่วมกันกินอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวอย่างเงียบเชียบ
-
ที่มาของการจุดประทัดและสวมใส่สีแดงในวันตรุษจีน
จนวันหนึ่งมีชายชราคนหนึ่งหาทางกำจัดตัวเหนียนได้ โดยใช้สีแดงทากรอบประตูบ้านพร้อมทั้งสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสดและได้มีการจุดประทัดให้เกิดเสียงดัง เมื่อตัวเหนียนได้ยินเสียงของประทัดและมองเห็นสีแดงจึงเกิดตกใจกลัวขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป
-
วันแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อความโชคดี
ในเช้าวันถัดมาชาวบ้านที่ออกมาจากถ้ำได้ทราบว่าชายชราสามารถขับไล่ตัวเหนียนไปได้ ก็ดีจนจนจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นอย่างยิ่งใหญ่มีการกล่าวอวยพรให้แก่กันและกันด้วยความยินดี นอกจากนั้นยังมีการจุดประทัดและสวมใส่สีแดงเพื่อต้อนรับโชคดีและขับไล่ความชั่วร้ายทั้งหลายในปีเก่าให้หมดไป
และนี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมในวันตรุษจีนจึงมีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ และทำไมชาวจีนจึงถือว่าสีแดงเป็นสีที่นำพาความสุขรวมถึงโชคลาภให้มาเยือนพวกเขา
ประวัติศาสตร์และความสำคัญของเทศกาลตรุษจีน
-
ประวัติตรุษจีนตามบันทึกทางประวัติศาสตร์
ต้นกำเนิดของตรุษจีนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีมาอย่างยาวนานกว่า 4 สหัสวรรษ โดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าประเพณีนี้เริ่มมาตั้งแต่ในยุคสมัยของราชวงศ์ใด
วันตรุษจีนนั้น เดิมทีเป็นการเฉลิมฉลองการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล จากฤดูหนาวเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า ลิบชุง (立春) ตรงกับวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติของทางจีน หากเป็นคนในราชสำนัก ก็จะมีการไปไหว้รับเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิที่ประตูเมืองทางทิศตะวันออก ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็จะมีการไปไหว้เจ้าและบรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญูตามคติและความเชื่อที่ชาวจีนยึดถือกันมา
-
ตรุษจีนไม่ใช่แค่วันขึ้นปีใหม่ แต่เป็นเทศกาลสำคัญของชาวนา
นอกจากนั้นแล้วในช่วงสราทลิบชุงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่เพิ่งพ้นหนาว อากาศแม้เริ่มอบอุ่นแต่ยังไม่ได้อุ่นมากนัก ทำให้เกษตรส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำการเกษตรเพาะปลูกพืชได้ จึงได้มีการพักผ่อน อยู่กันพร้อมหน้าร่วมกับครอบครัวรอให้อากาศอบอุ่นขึ้นมากกว่านี้เสียก่อน เป็นระยะเวลายาวนานถึง 15 วัน
และยังมีการไหว้เจ้าที่เรียกว่า “ง่วงเชียว” เป็นการไหว้ขอพรให้ทำการเกษตรเพาะปลูกได้ผลผลิตมากขึ้น และให้พืชในสวนไร่นาเติบโตอุดมสมบูรณ์ ทำให้เทศกาลนี้มีชื่อเรียกกันอีกอย่างว่า “เทศกาลชาวนา”

-
วันสำคัญในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น ไม่ใช่แค่เพียง “วันตรุษจีน” วันเดียวเท่านั้น แต่ยังมีวันสำคัญที่อยู่ในช่วงเทศกาลนี้อีก 3 วันด้วยกันโดยเริ่มตั้งแต่
วันจ่าย เป็นวันสิ้นปีก่อนถึงวันตรุษจีน จะเป็นวันที่ผู้คนต้องออกไปซื้อสิ่งของ ตระเตรียมอาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารคาว อาหารหวาน หรือผลไม้ สำหรับนำมาไหว้เจ้าและบรรพบุรุษในวันตรุษจีนต่อไป
วันไหว้ เป็นวันที่จะมีการไหว้เทพเจ้ารวมไปถึงบรรพบุรุษของแต่ละครอบครัว
วันนี้จะมีการจัดโต๊ะทำพิธีไหว้ขอพรเทพเจ้าและบรรพบุรุษผู้ล่วงลับให้ช่วยคุ้มครองและให้ลูกหลานพบเจอแต่ความสุขตลอดปี โดยมักจะไหว้กันในช่วงเช้าและช่วงสายของวัน
วันเที่ยว เป็นวันขึ้นปีใหม่ที่ชาวจีนจะอยู่บ้านหรือออกไปเที่ยวเพื่อเฉลิมฉลองกับครอบครัว ในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมอันเป็นมงคล เช่น การขอพรกับผู้ใหญ่ การทานข้าวเฉลิมฉลองพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว โดยจะมีการจุดประทัดและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีแดงเพื่อต้อนรับสิ่งดี ๆ ให้เข้ามาในช่วงปีใหม่

-
สัญลักษณ์มงคลวันตรุษจีน