top of page

เช็งเม้งปีนี้ จัดของไหว้รับเฮง ต้อนรับเทศกาลลูกหลานกตัญญู

เทศกาลเช็งเม้ง

วันเช็งเม้ง (清明节) คือ ช่วงฤดูที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ดอกไม้เริ่มผลิบาน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย จึงเหมาะแก่การออกจากบ้านเพื่อไปกราบไหว้ และปัดกวาดสุสานของบรรพพชน โดย วันเช็งเม้ง จะอยู่ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนที่ 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งมักจะตรงกับวันที่4 หรือ 5 เมษายนของแต่ละปี

 เช็งเม้ง เทศกาลลูกหลานกตัญญูและตำนานการเลี้ยงไหมของชาวจีน

  • ต้นกำเนิดเทศกาลเช็งเม้ง  

เทศกาลเช็งเม้ง ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยของพระเจ้าฮั่นเกาจู ผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน หลักเสร็จการศึกพระเจ้าฮั่นเกาจูได้เดินทางกลับไปสักการะป้ายหลุมศพของผู้มีพระคุณที่สุสานยังเมืองบ้านเกิด แต่ด้วยผลพวงจากศึกสงคราม ทำให้ป้ายชื่อในสุสานถูกทำให้เสียหาย จนไม่อาจทราบได้ว่าป้ายไหนเป็นของใคร
พระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิษฐานต่อเทวดาฟ้าดินด้วยแรงกตัญญูที่อยากเคารพบรรพชนผู้ล่วงลับ ขอให้หาหลุมศพของบิดามารดาเจอ จากนั้นจึงได้ทำการโปรยกระดาษขึ้นฟ้า หากกระดาษนั้นไปตกอยู่ที่ป้ายสุสานใดให้ถือว่าป้ายนั้นเป็นของบิดามารดาผู้ล่วงลับ จากนั้นเมื่อไปตรวจสอบดูกระดาษที่โปรยก็พบว่ากระดาษได้ร่วงลงมาตกอยู่บนป้ายหลุมศพของบิดามารดาจริงดังคำอธิษฐาน

  • ที่มาทำความสะอาดฮวงซุ้ย โปรยกลีบดอกไม้

จากประวัติของพระเจ้าฮั่นเกาจูนี้เอง ที่ทำให้เกิดเป็นประเพณีการไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศ กาลเช็งเม้งในปัจจุบัน โดยลูกหลานจะมีการทำความสะอาดป้ายฮวงซุ้ยหรือป้ายชื่อของบรรพบุรุษรวมถึงบริเวณของสุสานโดยรอบ ส่วนการโปรยกระดาษนั้นเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็มีการเปลี่ยนมาใช้การโปรยกลีบดอกไม้แทน เพื่อความสวยงาม และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ 

  • เทศกาลเช็งเม้ง กับ ตำนานเลี้ยงไหมของชาวจีน

นอกจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษแล้ว เทศกาลเช็งเม้งยังเป็นที่มาของตำนานการกำเนิดการเลี้ยงไหมของชาวจีนด้วยเช่นกัน ตำนานนี้จะกล่าวถึง พระนางซีหลิงสี(Xi Ling Shi) พระมเหสีของจักรพรรดิชวนหยวน (Xaun Yaun) ที่ได้พบรังไหมโดยบังเอิญ ทำให้ต่อมามีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมภายในวังเพื่อทอเป็นเสื้อผ้าสวมใส่ ก่อนจะมีการเผยแพร่ออกไปสู่ราษฎรภายนอก จนเกิดเป็นที่มาของการเลี้ยงไหมในประเทศจีน
ทำให้ชาวจีนยกย่องให้พระนางเป็น “พระนางแห่งไหม” และในบางพื้นที่ ที่นิยมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อทอผ้าขายเป็นอาชีพได้มีการทำ “ขนมดักแด้” เพื่อเซ่นไหว้บวงสรวงพระนางซีหลิงสีไปพร้อมกันกับบรรพบุรุษในวันเช็งเม้ง

การไหว้บรรพบุรุษในเทศกาลเช็งเม้ง

ไหว้บรรพบุษ ไม่ได้มีแค่ เช็งเม้ง 
 
การไหว้บรรพบุรุษส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการไหว้ในช่วงเช็งเม้ง แต่น้อยนักที่จะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องไหว้ในช่วงเช็งเม้งเสมอไป ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้วจะมีอีก 2 ช่วงเวลาด้วยกันที่นิยมไปไหว้บรรพบุรุษ เพื่อเลี่ยงรถติดและความวุ่นวายในช่วงเช็งเม้ง ได้แก่
 

1.
วันชุงฮุง 
ถือเป็นวันเริ่มต้นเทศกาลเช็งเม้ง แสงดี อากาศอบอุ่น สรรพสิ่งเริ่มกลับมาชีวิตชีวา  เมื่อสมัยก่อนวันชุงฮุง จะเป็นหนึ่งในวันไหว้บรรพบุรุษที่บ้าน แต่ในปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น จึงนิยมไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน เหมือนกันกับในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความชุลมุนวุ่นวาย การจราจรที่ติดขัด และ ยังสะดวกแก่การรวมตัวกันของญาติ 
 
2.
เทศกาลตงจื่อ (冬至) หรือ ไหว้บรรพบุรุษฤดูหนาว 
เป็นช่วงเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว หากอยู่ที่ประเทศจีนอากาศก็จะมีความหนาวเย็น แต่สำหรับประเทศไทยจะอยู่ในช่วงที่อากาศเย็นสบาย เหมาะแก่การหนีลมร้อนไปไหว้บรรพบุรุษกันที่สุสาน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการทำพิธีบอกกล่าวกับบรรพบุรุษในช่วงเทศกาลเช็งเม้งก่อน เพราะตามความเชื่อของชาวจีน ในวันเช็งเม้งจะเป็นวันที่วิญญาณถูกปลุกให้ตื่นเพื่อมาพบกับลูกหลาน ก่อนจะกลับไปจำศีลในช่วงฤดูหนาวต่อ 

การละเล่นในช่วงเช็งเม้ง 

  • การเล่นว่าว  หรือ วิ่งว่าวโต้ลม

เป็นการละเล่นโบราณที่คนไทยเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เพียงแต่เทศกาลเช็งเม้งสำหรับที่ประเทศไทยนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศมีความร้อนอบอ้าว ไม่เหมาะแก่การออกไปวิ่งเล่น
ทว่าสำหรับประเทศจีนแล้ว เทศกาลเช็งเม้ง จะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งมีอากาศอบอุ่น ไม่ร้อนจนเกินไป เหมาะกับการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน อย่างการทานข้าว หรือ การละเล่นในสมัยโบราณอย่าง

“การเล่นว่าว” หรือ “วิ่งว่าวโต้ลม” โดยชาวจีนจะพาลูกหลานกันไปรวมตัวกันที่นอกบ้าน ตามสุสานหรือพื้นที่สาธารณะ แล้วซื้อว่าวให้เด็ก ๆ นำมาวิ่งเล่นรับลมด้วยกัน จากนั้นก็จะมีการผูกว่าวเอาไว้ แล้วจึงค่อยตัดด้ายที่ผูกกับว่าวออก ให้ว่าวนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้า เพราะมีความเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มความโชคดีและปล่อยโชคร้ายให้ลอยไปกับสายลม

 จัดไหว้ พร้อมวิธีไหว้รับเฮง วันเช็งเม้งกับน่ำเอี๊ยง

  • ของไหว้เจ้าที่

ก่อนที่จะทำการเซ่นไหว้วิญญาณบรรพบุรุษที่สุสาน จำเป็นที่จะต้องไหว้เจ้าที่ก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการขอเบิกทางให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ และแสดงความขอบคุณที่ท่านคอยดูแลรักษาคุ้มครองลูกหลาน โดยของที่จะใช้ในการไหว้เจ้าที่ มีทั้งหมด ดังนี้

  • เทียนแดง 1 คู่ 

  • ธูป 5 ดอก

  • ชา หรือ เหล้า 5 ถ้วย

  • ขนมหวาน หรือ ผลไม้

  • กระดาษเงิน กระดาษทอง 

 

  • ของไหว้บรรพบุรุษ

ส่วนของเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้น จะแยกเป็นอาหารคาว-หวาน และผลไม้มงคล แต่ทั้งนี้บางบ้านก็อาจจะใช้ของไหว้ที่ไม่เหมือนกัน โดยอาจจะเลือกเป็นอาหารที่บรรพบุรุษหรือลูกหลานชอบก็ได้ ซึ่งของที่ใช้ในการไหว้บรรพบุรุษก็จะมีหลัก ๆ ดังนี้


ประเภทอาหารคาว

  • ข้าวสวย

  • เหล้า

  • น้ำชา

  • อาหารคาว 3 อย่าง หรือ 5 อย่าง 

  • เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ) 5 อย่าง (โหงวแซ) ได้แก่ เป็ด ไก่ หมู ปลา กุ้ง ปลาหมึกแห้ง เป็นตัน

  • หอยแครง

 

ประเภทอาหารหวาน

  • ขนมมงคลต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ขนมจันอับ ขนมถ้วยฟู เป็นต้น

 

ประเภทผลไม้มงคล

  • ส้ม

  • แอปเปิ้ล

  • สาลี่

  • องุ่น

  • กล้วยหอม

  • สัปปะรด

  • แก้วมังกร

  • ทับทิม

สิ่งควรทำก่อนวันเช็งเม้ง ซ่อมแซมป้ายสุสาน ให้กราบไหว้บรรพบุรุษราบรื่น 


ซ่อมแซมป้ายสุสาน ก่อนวันลูกหลานกตัญญู 

  • ปรับปรุงซ่อมแซมป้ายสุสานให้บรรพบุรุษ ก่อนวันเช็งเม้ง

ในปีนี้ใครที่คิดจะซ่อมแซมป้ายสุสาน ปรับภูมิทัศของฮวงซุ้ยบรรพบุรุษให้เรียบร้อย ควรหาวันมงคลวางฤกษ์ดีจากผู้เชียวชาญเสียก่อนที่วันไหว้เช็งเม้งจะมาถึง เพราะการซ่อมแซมสุสานในช่วงไหว้เช็งเม้งนั้นมักไม่นิยมทำกัน เพราะนอกจากจะต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวแล้วตามความเชื่อ ยังถือว่าเป็นการรบกวนบรรพบุรุษที่สุสาน

  • หาฤกษ์ปรับปรุงป้ายสุสาน สร้างความเป็นมงคลแก่ลูกหลาน

การปรับปรุงซ่อมแซมป้ายสุสานจึงไม่ต่างอะไรกับการขึ้นบ้านใหม่ มีวันดีแล้วควรได้รับคำแนะนำที่ดีจากผู้ที่มีความรู้ด้านพิธีการตั้งวางป้ายสุสานด้วยเช่นกัน น่ำเอี๊ยงเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งวาง ซ่อมแซมป้ายสุสาน รวมถึงฮวงซุ้ยบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน สามารถวางใจได้ว่านอกจากฤกษ์ที่ดีที่สุด ที่จะได้รับแล้วยังมีคำแนะนำดี ๆ เสริมความเป็นมงคลให้แก่ตัวลูกหลานเอาไว้ด้วยเช่นกัน 

bottom of page