ความสำคัญของฤกษ์มงคลสมรส และแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้ในการเริ่มต้นชีวิตคู่ | The Art of Auspicious Beginnings

ความสำคัญของฤกษ์แต่งงาน

ฤกษ์แต่งงาน คือ วันและเวลาที่เป็นมงคล เหมาะสมที่จะจัดพิธีหมั้น พิธีแต่งงาน เป็นวันที่จะทำให้การเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ต่อจากนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ฤกษ์มงคลเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ ของชีวิต ทั้งนี้ปัจจุบันคู่บ่าวสาวหลายคู่อาจเลือกวันตามความสะดวกหรือวันสำคัญสำหรับทั้งสองคน แต่สำหรับญาติผู้ใหญ่แล้ว การเลือกวันมงคลสำหรับพิธีแต่งงานยังถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ด้วยความรัก ความห่วงใยลูกหลาน อยากให้คู่บ่าวสาวแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต่อจากนี้อย่างมีความสุข

ทำไมต้องดูฤกษ์แต่งงาน 

1. ตามความเชื่อ ด้วยความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนที่ว่า การที่เราเลือกจัดงานตามวันมงคลจะช่วยเสริมให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ ครองรักกันตลอดไป

2. เพื่อความเชื่อมั่น และไว้ใจ ในการใช้ชีวิตคู่ต่อการจากนี้ เนื่องจากก่อนแต่งงานบางคนยังอาศัยอยู่กับครอบครัวเดิม หากแต่งงานออกไปใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว การดำเนินชีวิตต่าง ๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงไป การดูฤกษ์มงคลแต่งงาน จะทำให้เรามั่นใจกับชีวิตคู่ครั้งนี้มากขึ้น

3. เพื่อความสบายใจทั้งคู่ครองของตนเองและญาติผู้ใหญ่ จริงอยู่ที่ในปัจจุบันการดูฤกษ์เช่นนี้คู่รักบางส่วนอาจคิดว่าไม่จำเป็น แต่เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย และไม่ได้เสียหายอะไรที่จะจัดงานตามวันที่เหมาะสม

4. เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา ในบางสังคมหรือตระกูลการดูฤกษ์มงคลต่าง ๆ  ก็ทำกันมานานสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ทำให้ในปัจจุบันคู่รักจึงต้องไปดูฤกษ์กันไปตามปริยาย

5. แสดงถึงความจริงใจที่มีต่อกัน หรือต้องการที่จะครองรักกับอีกฝ่ายอย่างแท้จริง ตามจุดประสงค์ของฤกษ์แต่งงานนั้นเอง

ก่อนแต่งงาน | คู่บ่าวสาว ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

การแต่งงานถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของคู่บ่าวสาวที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน แบ่งปันทุกข์สุข และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่เติบโตไปด้วยกัน ดังนั้นก่อนการแต่งงานจึงต้องมีการเตรียมพร้อมหลายอย่าง ตั้งแต่การฤกษ์มงคล ฤกษ์แต่งงาน เพื่อให้วันแต่งงานเป็นวันที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด จะมีพิธีสำคัญอะไรบ้างนั้น น่ำเอี๊ยงมีคำตอบ

ฤกษ์ตัดชุดวิวาห์

ฤกษ์ตัดชุดวิวาห์ เดิมเป็นฤกษ์ลงกรรไกรตัดชุดแต่งงานที่จะใช้ใส่ในงานจริงๆ ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นการลองชุด (ชุดเช่าหรือชุดตัด) เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว

*สีมงคลในพิธีแต่งงานและชุดเจ้าสาว จะเน้นสีแดง สีชมพู สีทอง หลีกเลี่ยงสีขาว สีดำ เพราะเชื่อว่าเป็นสีที่ใช้ในงานอวมงคล 

**หากเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลือกใช้ชุดแต่งงานสีขาวตามสมัยนิยม แนะนำให้เลือกถือดอกไม้ ใส่เนกไท หรือสวมใส่เครื่องประดับสีแดง สีชมพูเพิ่ม เพื่อไม่ให้ดูเป็นสีขาวทั้งชุด

ฤกษ์สระผมเจ้าสาว

ฤกษ์สระผมเจ้าสาว เป็นการให้เจ้าสาวชำระร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าพิธีแต่งงาน เมื่อถึงฤกษ์มงคล ให้เริ่มอาบน้ำสระผม โดยเตรียมน้ำที่ใส่ใบเซียนเช่า ใบทับทิม และกลีบกุหลาบ ราดทั้งตัวหัวจรดเท้าเป็นน้ำสุดท้ายแล้วค่อยเช็ดตัวเป็นอันเสร็จพิธี

พืชมงคล 3 อย่างที่ต้องเตรียม

  1. กลีบกุหลาบ สื่อความรัก ความสุขและความสวยงาม
  2. ใบทับทิม เพื่อกำจัดสิ่งอัปมงคล ชาวจีนโบราณเชื่อว่าเป็นพืชมงคลสามารถไล่ภูตผีปีศาจได้
  3. ใบเซียนเช่า/ เซียงเช่า เป็นไม้มงคลมีอีกชื่อว่าต้นพรหมจรรย์ เชื่อว่าช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป

พิธีปูเตียง/จัดเตียง

คนจีนเชื่อว่า การปูเตียงเรือนหอและตกแต่งเตียงใหม่ จะทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังจะเป็นสามีภรรยากันรักใคร่กลมเกลียว เตรียมพร้อมเปิดรับชีวิตใหม่ๆ ร่วมกัน และให้มีลูกชายไว้สืบสกุล

คุณสมบัติผู้ปูเตียงต้องเป็นคู่ที่รักกันยืนยาว มั่งคั่งร่ำรวย มีลูกมีหลาน โดยทั่วไปจะให้พ่อแม่เจ้าบ่าวเป็นผู้ทำพิธี หากพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่ได้อยู่ด้วยกัน สามารถให้พ่อแม่เจ้าสาว หรือญาติผู้ใหญ่ที่มีคุณสมบัติครบเป็นผู้ทำพิธี (ปัจจุบันยังรักกันอยู่ มีลูกมีหลาน มีฐานะร่ำรวย)

วิธีปูเตียง เริ่มจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน นำผ้าห่มคลุมเตียง วางจานส้ม 2-4 ผลไว้กลางเตียง แล้วติดใบติดหัวเตียง 安床大吉 ตามฤกษ์ เมื่อปูเตียงเสร็จแล้วจะไม่ให้ใครขึ้นไปนอนบนเตียงอีกจนกว่าจะถึงพิธีส่งตัว  

พิธีแต่งงาน | พิธีปฏิบัติตามธรรมจีนดั้งเดิม

ขึ้นชื่อเรื่องการแต่งงานตามธรรมเนียมจีนแล้ว หลายคนอาจรู้สึกว่ามีพิธีรีตองมากมาย ฤกษ์แต่งงานต้องเป็นฤกษ์ที่ดีที่สุด ข้าวของเครื่องใช้ ขันหมากเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องมีความหมายดีๆ อวยพรให้คู่บ่าวสาวมีบุตรเร็วๆ มีความรักหวานชื่นตลอดไป ฟังแล้วดูยุ่งยากไม่น้อย แต่ใจเย็นๆ กันก่อน ความจริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด วันนี้น่ำเอี๊ยงจะพามาทำความรู้จักลำดับขั้นตอนในพิธีแต่งงานแบบจีนกัน

  1. เลือกฤกษ์แต่งงานดีๆ เริ่มต้นก้าวแรกด้วยความมงคล บ่าวสาวรักใคร่กลมเกลียวชั่วนิรันดร์
  2. เจ้าบ่าวยกขบวนขันหมากสู่ขอเจ้าสาว
  3. สวมแหวนหมั้นตามฤกษ์มงคล (เมื่อสวมแหวนเรียบร้อยแล้วเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีหมั้น)
  4. กั้นประตูเงินประตูทอง
  5. ส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอตามฤกษ์ (เมื่อคู่บ่าวสาวก้าวเท้าเข้าห้องหอถือว่าแต่งงานกันเรียบร้อย)
  6. พิธียกน้ำชา แนะนำตัวเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแก่ญาติๆ ของทั้งสองฝ่าย
  7. เลี้ยงฉลองมงคลสมรส

สำหรับการแต่งงานแบบจีนนั้น พิธีสำคัญหลักๆ จะอยู่ที่พิธีหมั้น-ขันหมาก และพิธีส่งตัว ซึ่งต้องทำตามฤกษ์มงคล ที่ได้มีการจัดหาเอาไว้แล้วโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฤกษ์ เพื่อส่งเสริมให้คู่บ่าวสาวรักใคร่กันหวานชื่น เพิ่มพลังบวกในการฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันในวันข้างหน้า มีชีวิตคู่ที่ราบรื่นและสงบสุขตลอดไป

การหมั้น

 

ขันหมากฝ่ายเจ้าสาว 

 

สิ่งของที่จำเป็น

  1. ส้มเช้งถาดละ 24 หรือ 48 ผล (ติดซังฮี้) /ใช้ส้มแมนดารินแทนได้
    คำภาษาจีนของคำว่าส้มอ่านว่า จวี๋ (橘) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า จี๋ (吉) ของจี๋เสียง (吉祥) ที่แปลว่า สิริมงคล ดังนั้นส้มจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ หากเป็นส้มใบใหญ่ ต้าจวี๋ (大橘)พ้องเสียงกับคำว่าต้าจี๋/ไต่กิก (大吉) หมายความว่า มหาโชค
  2. ขนมจันอับ 2 ห่อใหญ่
  3. แหวนหมั้น 1 วง
  4. ต้นชุงเช่าปักบนน้ำตาลทรายแดง 2 ต้น ใช้เชือกเส้นเดียวมัดต้นชุงเช่า ความหมายคือให้ผูกพันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
  5. กล้วยเครือเขียว (ติดซังฮี้ ) อวยพรให้มีลูกหลานมากมาย
  6. พ่อแม่เจ้าสาวเตรียมซองแดง 2 ซอง ซองที่1 เงินขวัญถุงให้เจ้าสาว ซองที่ 2 อวยพรให้เจ้าบ่าว
  7. ตะเกียง (นิยมให้เด็กผู้ชายถือตะเกียงนำขบวนตอนที่ทำพิธีส่งตัว เป็นเคล็ดให้มีลูกชายสืบสกุล)
  8. ตู้เซฟ (กล่องสมบัติสินเดิมเจ้าสาว) 

สิ่งของเพิ่มเติม

  1. พัด ภาษาจีนอ่านว่า “ซ่าน” (扇) หรือ “ซ่านจื่อ” (扇子) ซึ่งพ้องเสียงกับ “ซ่าน” (善) ที่แปลว่า ความดีงาม
  2. ชุดเอี๊ยมแดง ร้อยสร้อยเงินสร้อยทอง (ใส่เหรียญเงินเหรียญทอง ปิ่นปักผม โหวงเจ๋งจี้)
  3. กระเป๋าเดินทาง (ใส่เสื้อผ้าเจ้าสาวหรือชุดนอน 4-8 ชุด จำนวนคู่ โรยโหงวเจ๋งจี้)
  4. อุปกรณ์เย็บผ้า (สายวัด เข็ม ด้าย กรรไกรฯลฯ)
    สายวัด หมายถึง อนาคตยืดยาวไม่สิ้นสุด
    ด้าย เป็นสีอะไรก็ได้ แต่ต้องมีสีขาวกับสีดำ ความหมายคือ ให้ครองคู่กันยืนยาวตั้งแต่ผมดำจนกระทั่งผมหงอกขาว
  5. ชุดโสยหมิ่ง (กะละมัง แปรงสีฟัน หวี กระจกฯลฯ) ใช้ปรนนิบัติแม่สามีในวันรุ่งขึ้นหลังแต่งงาน
  6. ของใช้ (รองเท้าแตะ รองเท้าเกี๊ยะ เสื้อผ้า)
  7. ขนมเปี๊ยะ, ตั่วเปา
  8. ซีเซ็กทึ้ง (ขนม 4 อย่าง คนจีนอำเภอเตี่ยเอี๊ย ให้อากงอาม่าของอีกฝ่าย)
  9. น้ำหวานสีแดง 
  10. ร่มแดง
  11. ขนมพกท้อ 
  12. เทียนคู่หงส์มังกร (สำหรับจุดไหว้เจ้า)
 
ขันหมากฝ่ายเจ้าบ่าว 

 

สิ่งของที่จำเป็น

  1. ส้มเช้งถาดละ 24 หรือ 48 ผล (ติดซังฮี้) /ใช้ส้มแมนดารินแทนได้
    คำภาษาจีนของคำว่าส้มอ่านว่า จวี๋ (橘) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า จี๋ (吉) ของจี๋เสียง (吉祥) ที่แปลว่า สิริมงคล ดังนั้นส้มจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ หากเป็นส้มใบใหญ่ ต้าจวี๋ (大橘)พ้องเสียงกับคำว่าต้าจี๋/ไต่กิก (大吉) หมายความว่า มหาโชค
  2. ขนมจันอับ 2 ห่อใหญ่
  3. แหวนหมั้น 1 วง
  4. ซองแดง
    4.1. ค่าสินสอด (เช็ค โฉนดที่ดิน ทองคำ เครื่องประดับ ฯลฯ)
    4.2. ค่าน้ำนม (ค่าขาหมู,ค่าชุดเจ้าสาว)
    4.3. ค่าผลไม้,ขนม,หมี่หวาน (หมี่เตี๊ยว)
    4.4. เงินซื้อของไหว้เจ้า 2,400 บาท

สิ่งของเพิ่มเติม

  1. ขนมเปี๊ยะ ถาดละ 4 กล่อง
  2. ซีเซ็กทึ้ง (ขนม 4 อย่าง คนจีนอำเภอเตี่ยเอี๊ย ให้อากงอาม่าของอีกฝ่าย)
  3. หมี่เตี๊ยว ถาดละ 2 ห่อ
  4. ขนมโก๋รูปปลา
  5. ตาเสี่ย (ตะกร้าหาบใส่ขนม)
  6. ต้นทับทิม
  7. ต้นเซียงเช่า
  8. เหล้า  

หมายเหตุ: สิ่งของขันหมากอาจมีความแตกต่างกันตามธรรมเนียมแต่ละครอบครัว

ลำดับพิธีหมั้น

  1. เจ้าสาวรอในห้องแต่งตัวของตัวเอง ส่วนเจ้าบ่าวจัดขบวนขันหมากรออยู่ด้านนอกห้อง เมื่อถึงฤกษ์แห่ขันหมากค่อยเริ่มเดินขบวน
  2. เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาแล้ว จะมีการจัดแจงและชี้แจงรายการสินสอด 
  3. พ่อแม่เจ้าสาวไปรับตัวเจ้าสาวลงมาจากห้องเพื่อทำพิธีหมั้น เมื่อมาถึงหน้าเวที เจ้าบ่าวค่อยลงมารับ
  4. พ่อแม่เจรจาสู่ขอ รับสินสอด แลกขันหมาก
  5. สวมแหวนตามฤกษ์ (เป็นอันเสร็จพิธีหมั้น)
  6. ถ่ายภาพ เลี้ยงฉลองกันตามอัธยาศัย หรือทำพิธียกน้ำชาต่อ

ลำดับพิธีส่งตัวที่โรงแรม

โดยทั่วไปหากส่งตัวที่โรงแรม จะมีการจอง 2 ห้องห่างกัน 2-3 ห้องหรือคนละชั้น ห้องหนึ่งสมมุติเป็นบ้านเจ้าสาว ส่วนอีกห้องหนึ่งสมมุติเป็นบ้านเจ้าบ่าวสำหรับใช้ในการทำพิธีส่งตัว

  1. เจ้าสาวขึ้นไปบนห้องแต่งตัว หรือจุดที่กำหนด รอเจ้าบ่าวมารับ (นำตะเกียง ตู้เซฟจากห้องโถงขึ้นไปด้วย)
  2. เจ้าบ่าวถือช่อดอกไม้ ฝ่าประตูเงินประตูทองเข้ามารับ (จำนวนประตูเงินประตูทองต้องเป็นจำนวนคู่ นิยมกั้น 4/8 /12 คู่ )
  3. เมื่อเจ้าบ่าวมารับที่ห้อง ให้น้องชายหรือหลานชายฝ่ายเจ้าสาวถือตะเกียง ตู้เซฟ นำขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวตามไปที่ห้องส่งตัว 
  4. เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูห้องหอ ถือว่าทำส่งตัว (เข้าบ้านเจ้าบ่าว) ตามฤกษ์เรียบร้อยแล้ว
  5. ภายในห้องส่งตัวจะมีการกินขนมอี๋ พ่อแม่เจ้าอวยพรให้คู่บ่าวสาว และถ่ายรูปร่วมกัน
  6. ทำพิธียกน้ำชาหรือเลี้ยงฉลองตามอัธยาศัย

การจัดงานตามพิธีจีนจะกั้นประตูเงินประตูทองตอนที่เจ้าบ่าวเข้าไปรับตัวเจ้าสาวหลังจากสวมแหวนหมั้นเท่านั้น ปัจจุบันมีการประยุกต์โดยทำตามพิธีไทย คือกั้นประตูเงินประตูทองตอนที่เจ้าบ่าวแห่ขบวนขันหมากเข้ามา

พิธียกน้ำชา

พิธียกน้ำชา เป็นการแนะนำเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้ครอบครัว ญาติ พี่น้องของทั้งสองฝ่ายรู้จักอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการแสดงความเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโส เปรียบได้กับพิธีรับไหว้ รับขวัญของไทย   

ตามธรรมเนียมเดิมจะทำพิธียกน้ำชากันหลังส่งตัวแล้วเท่านั้น ปัจจุบันหากจัดพิธีหมั้น-ส่งตัววันเดียวกัน และจัดพิธีในโรงแรม สามารถปรับเป็นทำพิธียกน้ำชาหลังส่งตัวตามธรรมเนียมเดิม หรือจะทำพิธีหลังหมั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวก โดยจะยกน้ำชาให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวก่อนตามลำดับความอาวุโส จากนั้นจึงยกน้ำชาให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว

การยกน้ำชา คู่บ่าวสาวจะรินน้ำชา 2 ถ้วยให้ผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่จะมอบอั่งเปา ของขวัญ และอวยพรให้คู่บ่าวสาว ทางคู่บ่าวสาวก็จะมีของรับไหว้ให้ผู้ใหญ่ อาจเตรียมเป็นผ้าขนหนู หรือของชำร่วย โดยของรับไหว้ให้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายจะพิเศษกว่าผู้ใหญ่คนอื่นเล็กน้อย เช่น ของรับไหว้ผู้ใหญ่ทั่วไปเป็นผ้าขนหนู ของรับไหว้ให้พ่อแม่จะเป็นผ้าแพร ผ้าไหม หรือเสื้อใหม่

หลังแต่งงาน | ต้องเตรียมอะไร มีขั้นตอนอย่างไร?

 

การไหว้เจ้าบ้านเจ้าบ่าว (ไหว้ฟ้าดินหลังส่งตัว)

การไหว้เจ้าบ้านเจ้าบ่าวจะทำพิธีหลังส่งตัว หากวันแต่งงานล่วงเลยถึงช่วงบ่ายแล้ว สามารถไหว้เจ้าที่บ้านเจ้าบ่าวในวันถัดไปได้

  1. เตรียมบัวลอย 4 ถ้วย น้ำชา 4 ถ้วย ส้ม 5 ผล ขนมจันอับ 1 ถาด /ชุด
  2. ให้พ่อแม่เจ้าบ่าวเป็นผู้จุดธูปให้
    – ไหว้พระพุทธรูป จุดธูป 3 ดอก
    – ไหว้ฟ้าดิน จุดธูป 12 ดอก
    – ไหว้เจ้าที่ หรือตี่จู่เอี๊ย จุดธูป 5 ดอก
    – ไหว้บรรพบุรุษ จุดธูป 3 ดอก
  3. คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดิน 3 ครั้ง กราบพ่อแม่เจ้าบ่าว 1 ครั้ง คู่บ่าวสาวคำนับซึ่งกันและกัน 1 ครั้งพร้อมๆ กัน เจ้าสาวเอ่ยชื่อ-นามสกุลของตนเอง บอกกล่าวว่าตนได้แต่งงานเข้ามาเป็นลูกหลานของที่นี่แล้ว

*หากที่บ้านมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ครบตามข้างต้นสามารถตัดออกได้ เช่น ที่บ้านไม่มีตี่จู่เอี๊ยะ สามารถตัดชุดไหว้ตี่จู่เอี๊ยะได้ หากที่บ้านไม่มีศาลพระภูมิ แต่มีมีศาลพระภูมิประจำหมู่บ้านก็ต้องไหว้ด้วย

พิธีตึงฉู่

พืธีตึงฉู่ คือการที่คู่บ่าวสาวจะกลับบ้านพ่อแม่เจ้าสาวหลังจากแต่งงานกันแล้ว 3 วัน 5 วัน หรือ 12 วัน โดยเริ่มนับจากวันแต่งงานเป็นวันแรก เช่น แต่งงานวันที่ 9 นับไปจนครบ 3 วัน ก็จะถึงกำหนดตึงฉู่วันที่ 11

ในวันตึงฉู่ หากเจ้าสาวมีน้องชายหรือหลานชายให้เดินทางไปรับคู่บ่าวสาวเพื่อเดินทางมาที่บ้าน โดยคู่บ่าวสาวต้องเตรียม ขนมจันอับ 2 ห่อ ส้ม 12 ผล ไปด้วย (หากน้องชายไม่สะดวกไปรับจริงๆ ให้ออกมารอรับคู่บ่าวสาวที่หน้าบ้านแทนได้)

เมื่อคู่บ่าวสาวมาถึงก็มอบของให้พ่อแม่เจ้าสาว พ่อแม่จะรับไว้ส่วนหนึ่ง แล้วคืนให้คู่บ่าวส่วนหนึ่งเป็นจำนวนคู่ โดยทั่วไปจะเก็บจันอับไว้ 1 ห่อ ส้มเก็บไว้เป็นจำนวนคู่ ที่เหลือคืนให้คู่บ่าวสาว (ส้มและขนมสามารถนำไปไหว้เจ้าได้)

จัดเตรียมของไหว้เจ้า บัวลอย 4 ถ้วย น้ำชา 4 ถ้วย ส้ม 5 ผล ขนมจันอับ 1 ถาด /ชุด ทำพิธีไหว้เจ้าบ้านเจ้าสาวเหมือนกับที่ทำบ้านเจ้าบ่าว โดยการทำพิธีไหว้เจ้าจะไหว้กันช่วงเช้าเท่านั้น จากนั้นจะรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว

พิธีตึงฉู่ (ตามธรรมเนียมเดิม)

พิธีตึงฉู่ตามธรรมเนียมเดิมจะมี 2 รอบ คือ เถ่าตึงฉู่ กับ หยี่ตึงฉู่

รอบแรก เรียกว่า “เถ่าตึงฉู่” เป็นการกลับบ้านเจ้าสาวหลังจากแต่งงานครบ 3 วัน มีการเตรียมขนมกับส้มมามอบให้พ่อแม่เจ้าสาว ทำพิธีไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษบ้านเจ้าสาว และรับประทานอาหารร่วมกันตามปกติ (ไม่สามารถนอนที่บ้านพ่อแม่เจ้าสาวได้)

รอบที่สอง เรียกว่า “หยี่ตึงฉู่” เป็นการกลับบ้านเจ้าสาวหลังจากเถ่าตึงฉู่กี่วันก็ได้ คราวนี้เหมือนเป็นการมาเยี่ยมเยียนพ่อแม่เจ้าสาวไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมาก เพียงใช้เวลาร่วมกัน หลังจากหยี่ตึงฉู่แล้วถึงจะสามารถมานอนที่บ้านพ่อแม่เจ้าสาวได้

*ปัจจุบันนิยมตึงฉู่กันรอบเดียวเพื่อความสะดวก มีข้อกำหนดว่าไม่ให้คู่บ่าวสาวนอนค้างคืนที่บ้านพ่อแม่เจ้าสาว เวลาประมาณ 15.00 น. ก็ควรกลับได้แล้ว (เป็นการตัดอาวรณ์ ไม่ให้เจ้าสาวเสียใจที่ต้องอยู่ห่างจากครอบครัวของตนเอง)

บทความล่าสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top