Author name: Tae

วันเกิดไท้จื๋อเอี้ย(太子爷)🙏🏻✨

ไท้จื๋อเอี๊ย (太子爷) ในที่นี้หมายถึง “กวนเป๋ง” (關平) บุตรชายของกวนอู (บางตำนานว่าเป็นบุตรบุญธรรม) ผู้รับหน้าที่ดูแลห่อตราประทับของกวนอู ลักษณะของกวนเป๋งเป็นขุนพลหนุ่มรูปงาม สูงสง่า ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา ไม่มีหนวดเครา โดยมักจะปรากฏอยู่ทางซ้ายของกวนอูในภาพวาดหรือเทวรูป ทำหน้าที่ถือห่อตราประจำตัวของกวนอู ซึ่งเป็นตราประจำเมืองเกงจิ๋ว ที่กวนอูดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง กวนเป๋งมักปรากฏเคียงข้างกับ “จิวฉอง” (周倉) ขุนพลผู้จงรักภักดีต่อกวนอูจนถึงชีวิต เขายอมฆ่าตัวตายตามเมื่อนายถูกประหาร ลักษณะของจิวฉองเป็นชายร่างใหญ่ หน้าดำเข้ม คิ้วหนา เคราดก และมักจะยืนอยู่ฝั่งขวาของกวนอู ทำหน้าที่ถือง้าวมังกรเขียว อาวุธประจำตัวของกวนอู วันที่ 13 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติจีน นอกจากจะเป็นวันคล้ายวันเกิดของกวนเป๋งแล้ว ยังเชื่อว่าเป็นวันเกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เช่นกัน ตามตำนานกล่าวว่าเป็นวันที่กวนอูถูกล่อลวงให้ไปร่วมงานเลี้ยงในเมืองกังตั๋ง ดินแดนของซุนกวน (แห่งง่อก๊ก) โดยมีแผนลอบสังหาร แต่กวนอูรับคำเชิญ และควงง้าวมังกรเขียวฝ่าศัตรูจนสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างองอาจ ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่ “กวนอูนำง้าวมังกรเขียวออกมากวัดแกว่งเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย” และเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วันลับง้าวมังกรเขียว” หากในวันนี้เกิดฝนตกลงมา จะถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะเชื่อว่าเป็น “ฝนลับง้าว” ของเทพเจ้ากวนอู ที่ช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดีให้ออกไปจากบ้านเรือน ช่วงเวลาดังกล่าวยังตรงกับเทศกาลสารทฤดู “หมั่งเจ้ง” (芒夏 / […]

วันเกิดไท้จื๋อเอี้ย(太子爷)🙏🏻✨ Read More »

วันพระจีน ชิวอิก (初一) จับโหงว (十五)🏮

ตามปฏิทินจันทรคติจะมีการกำหนด “วันพระ” เอาไว้ โดยในปฏิทินจันทรคติไทย วันขึ้น 8 ค่ำ วันขึ้น 15 ค่ำ วันแรม 8 ค่ำ และวันแรม 15 ค่ำ (หรือแรม 14 ค่ำในบางเดือน) ของทุกเดือนถือเป็นวันพระ ซึ่งพุทธศาสนิกชนมักจะไปทำบุญ ใส่บาตร และรักษาศีลที่วัด ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีน จะยึดถือวันขึ้น 1 ค่ำ (ชิวอิก 初一) และวันขึ้น 15 ค่ำ (จับโหงว 十五) ตามปฏิทินจีนเป็น “วันพระจีน” เท่ากับว่าในแต่ละเดือนจะมีวันพระจีน 2 ครั้ง ในช่วงเช้าของวันชิวอิกและจับโหงว ชาวไทยเชื้อสายจีนจะจัดชุดไหว้ ได้แก่ น้ำชา ผลไม้ และขนม เพื่อนำไปบูชาพระพุทธรูป ตี่จู่เอี๊ยะ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้าน เพื่อขอพรให้ปกป้องคุ้มครองคนในครอบครัว นอกจากนี้ ยังถือเป็นวันมงคลที่สามารถออกไปทำบุญหรือขอพรจากเทพเจ้าตามศาลเจ้าได้อีกด้วย ดาวน์โหลดเลยที่ ปฏิทินมงคลน่ำเอี๊ยง หรือ NumEiang

วันพระจีน ชิวอิก (初一) จับโหงว (十五)🏮 Read More »

เริ่มต้นปีอย่างมีความหมาย รวมวันสำคัญและวันไหว้ประจำปี 2569

การเริ่มต้นปีใหม่เปรียบเสมือนการเปิดหน้าปฏิทินชีวิตที่เราได้เติมเต็มเรื่องราวต่างๆ ตลอด 365 วันที่กำลังจะมาถึง น่ำเอี๊ยงขอเชิญชวนให้ทุกท่านเริ่มต้นปี พ.ศ. 2569 อย่างมีสติและเปี่ยมความหมาย ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และพร้อมรับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปีนี้ ขอให้หน้าปฏิทินน่ำเอี๊ยงปี พ.ศ. 2569 เป็นปีที่ได้บันทึกช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาดีๆ ของทุกท่านในทุกๆ วัน วันสำคัญเดือนมกราคม 2569 วันที่ 1 มกราคม 2569 วันขึ้นปีใหม่ วันสำคัญเดือนกุมภาพันธ์ 2569 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2569  วันไหว้ส่งเจ้าขึ้นสวรรค์วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2569 วันไหว้สิ้นปี, วันไหว้เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยะวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2569 วันตรุษจีนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2569 วันไหว้รับเจ้ากลับจากสวรรค์วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2569 วันไหว้เทพยดาฟ้าดิน (ทีกงแซ) วันสำคัญเดือนมีนาคม 2569 วันที่ 3 มีนาคม

เริ่มต้นปีอย่างมีความหมาย รวมวันสำคัญและวันไหว้ประจำปี 2569 Read More »

ไฉ่สิ่งเอี๊ยะประทานพรปี 2569 เสริมโชคลาภตลอดปี

“ไฉ่สิ่งเอี๊ยะ” เทพเจ้าแห่งทรัพย์สินที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุด เชื่อว่าท่านเป็นเทพที่ประทานความร่ำรวยและโชคลาภมาให้ ผู้คนจึงนิยมกราบไหว้ในวันแรกของวันตรุษจีน เพื่อขอพรให้กิจการเจริญรุ่งเรือง และมั่งคั่งร่ำรวยตลอดทั้งปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการนับถือว่าเป็น ‘ไฉ่สิ่งเอี๊ยะ’ มีหลายองค์ตามความเชื่อของผู้คนแต่ละท้องถิ่น ดังนั้น ‘ไฉ่สิ่งเอี๊ยะ’ อาจเป็นเทพเจ้า เซียน หรือบุคคลในประวัติศาสตร์ เช่น  เจ้ากงหมิง (趙公明) ผู้นำคณะเทพแห่งโชคลาภทั้งห้า (五路財神) กวนอู (關羽) เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์  ปี่กัน (比干) ขุนนางเทพผู้ยึดถือความถูกต้อง ฯลฯ เคล็ดลับไหว้เวลาดี-ทิศมงคล ขอพรเสริมความร่ำรวย คนจีนเชื่อว่าการกราบไหว้ขอพรจากไฉ่สิ่งเอี๊ยะ จะทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จ และนำมาซึ่งโชคลาภเงินทอง นอกจากนี้เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยะ ยังช่วยดลบันดาลให้ผู้ที่บูชามีโชคลาภเข้ามาในชีวิต ตลอดจนเสริมดวงในด้านความโชคดีต่างๆ โดยต้องหันหน้าไปตามทิศของดวงดาวไฉ่สิ่ง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ปี 2569 เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยจะเสด็จลงมาทางทิศใต้ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา. 01.00 – 02.59 น. สิ่งของที่ใช้ไหว้ ได้แก่: ไต่กิก (ส้ม) 1 จาน, อี้

ไฉ่สิ่งเอี๊ยะประทานพรปี 2569 เสริมโชคลาภตลอดปี Read More »

วันไหว้ง่วงเซียวโจ่ย (元宵節)

เทศกาลง่วงเซียว หรือ หยวนเซียว (元宵節) หมายถึงวันเพ็ญแรกของปีนับจากวันตรุษจีน คือวันที่ 15 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ผู้คนจะออกมาไหว้เจ้า ชมโคมไฟหลากสี ทายปริศนาโคมไฟ เที่ยวเล่นชมมหรสพการแสดงต่างๆ ดังนั้นบางครั้งจึงเรียกเทศกาลนี้ว่าเทศกาลโคมไฟ ชาวจีนจะถือเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีนที่ได้พักผ่อนกันก่อนที่จะกลับไปเริ่มต้นทำงานเต็มที่ในวันรุ่งขึ้น เมนูพิเศษในเทศกาลนี้ คือขนมหยวนเซียวที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใส่ไส้ต่างๆ หรือจะใช้ขนมอี๋ (บัวลอย) แบบไม่มีใส้ เมื่อต้มเสร็จจะมีรสหวานอร่อย และขนมไช่เถ่าก้วย (ขนมผักกาด) ก้อนกลม สื่อถึงความรักใคร่กลมเกลียวกันในครอบครัวและขอให้สมปรารถนาในทุกเรื่อง การจัดของไหว้ต้องเตรียมไว้ 2 ชุด ชุดของไหว้บรรพบุรุษ – ซาแซ (เนื้อสัตว์ 3 อย่าง)– ผลไม้ 3-5 อย่าง หรือ ส้ม 5 ผล– ไชเถ่าก้วย (ขนมผักกาด) 1 จาน– น้ำชา 5 ถ้วย– เทียนแดง 1 คู่– กระถางธูป– แจกันดอกไม้

วันไหว้ง่วงเซียวโจ่ย (元宵節) Read More »

เช็งเม้งปีนี้ จัดของไหว้รับเฮง ต้อนรับเทศกาลลูกหลานกตัญญู

วันเช็งเม้ง (清明节) คือ ช่วงฤดูที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ดอกไม้เริ่มผลิบาน เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย จึงเหมาะแก่การออกจากบ้านเพื่อไปกราบไหว้ และปัดกวาดสุสานของบรรพพชน โดย วันเช็งเม้ง จะอยู่ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนที่ 3 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งมักจะตรงกับวันที่4 หรือ 5 เมษายนของแต่ละปี รู้หรือไม่? ในสมัยโบราณ ก่อนผู้คนจะออกไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานในเทศกาลเช็งเม้ง (清明節) 1-2 วันคือ เทศกาลอาหารเย็น หรือเทศกาลหานสือ (寒食節) มีที่มาจากสมัยโบราณที่นิยมใช้ฟืนก่อไฟทำอาหาร ซึ่งมีประเพณีปฏิบัติเวลาเปลี่ยนฤดูก็มีจะการเปลี่ยนกองฟืนและจุดไฟซึ่งเรียกไฟที่จุดขึ้นว่าไฟใหม่ ดังนั้นช่วงหาฟืนและรอไฟใหม่จะไม่ใช้ไฟเด็ดขาด ชาวบ้านจึงทำอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เช่น โจ๊กธัญพืชเย็น ปอเปี๊ยะห่อผัก เต้าหู้แห้ง ขนมหันจี้ว์(寒具) ทำจากแป้งกับงา ขนมแป้งข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยถั่วแดงหรือถั่วดํา ฯลฯ ไว้ทานในช่วงที่ขาดไฟ ซึ่งต่อมาเทศกาลอาหารเย็นนี้ได้ถูกหลอมรวมเข้ากับเทศกาลเช็งเม้งที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน เช็งเม้ง เทศกาลลูกหลานกตัญญูและตำนานการเลี้ยงไหมของชาวจีน ต้นกำเนิดเทศกาลเช็งเม้ง เทศกาลเช็งเม้ง ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยของพระเจ้าฮั่นเกาจู ผู้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นของประเทศจีน หลักเสร็จการศึกพระเจ้าฮั่นเกาจูได้เดินทางกลับไปสักการะป้ายหลุมศพของผู้มีพระคุณที่สุสานยังเมืองบ้านเกิด แต่ด้วยผลพวงจากศึกสงคราม ทำให้ป้ายชื่อในสุสานถูกทำให้เสียหาย จนไม่อาจทราบได้ว่าป้ายไหนเป็นของใครพระเจ้าฮั่นเกาจูจึงอธิษฐานต่อเทวดาฟ้าดินด้วยแรงกตัญญูที่อยากเคารพบรรพชนผู้ล่วงลับ ขอให้หาหลุมศพของบิดามารดาเจอ จากนั้นจึงได้ทำการโปรยกระดาษขึ้นฟ้า หากกระดาษนั้นไปตกอยู่ที่ป้ายสุสานใดให้ถือว่าป้ายนั้นเป็นของบิดามารดาผู้ล่วงลับ จากนั้นเมื่อไปตรวจสอบดูกระดาษที่โปรยก็พบว่ากระดาษได้ร่วงลงมาตกอยู่บนป้ายหลุมศพของบิดามารดาจริงดังคำอธิษฐาน ที่มาทำความสะอาดฮวงซุ้ย โปรยกลีบดอกไม้ จากประวัติของพระเจ้าฮั่นเกาจูนี้เอง ที่ทำให้เกิดเป็นประเพณีการไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศ

เช็งเม้งปีนี้ จัดของไหว้รับเฮง ต้อนรับเทศกาลลูกหลานกตัญญู Read More »

วันเกิดไท้เอี้ยงแชกุง “太陽星君” หรือ เทพพระอาทิตย์

วันที่ 19 เดือน 3 ตามปฏิทินจีนของทุกปี เป็นวันเกิดไท้เอี้ยงแชกุง (太陽星君) หรือ เทพพระอาทิตย์ ท่านมีร่างกายสีแดง หนวดเคราสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์ของความร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ มีดวงตาที่ 3 บนหน้าผากเพื่อใช้ปราบมารและภูตผีปีศาจทั้งหลาย มือขวาถือแส้ มือซ้ายถือสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ พระอาทิตย์ถือเป็นตัวแทนของพลังหยาง ซึ่งเป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับความสว่าง ความเคลื่อนไหว ความกระตือรือร้น และความร้อน อยู่คู่กับพระจันทร์ อันเป็นตัวแทนของพลังหยิน ซึ่งเป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับความมืด ความสงบ และความเย็น มาจากความเชื่อของลัทธิเต๋าที่ว่า ‘หยินหยางคือสมดุลของจักรวาล’ ชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่าเทพพระอาทิตย์เป็นผู้ประทานแสงสว่างและความอบอุ่นแก่โลกมนุษย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ สามารถดำรงอยู่บนโลกได้ การขอพรกับเทพพระอาทิตย์✨ คนจีนนิยมกราบไหว้ขอพรด้านความมั่นคง ขอให้ชีวิตมีแสงสว่าง หนุนดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรืองในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านหน้าที่การงาน เพราะในทางฮวงจุ้ยเชื่อว่าไท้เอี้ยงแชกุงช่วยหนุนหน้าที่การงานและหนุนดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรือง ของไหว้เทพพระอาทิตย์ – ส้ม 4 ผล– ซาลาเปาซิ่วท้อ 1 จาน– น้ำชา 3 ถ้วย– ขนมจันอับ 1 จาน– แจกันดอกไม้ 1

วันเกิดไท้เอี้ยงแชกุง “太陽星君” หรือ เทพพระอาทิตย์ Read More »

เปิดที่มา “บะจ่าง” อาหารมงคลในตำนานที่ก่อเกิดเป็นเทศกาลสำคัญในปัจจุบัน

วันที่ 8 เดือน 4 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เป็นวันรำลึกถึงพระยูไล หรือไม่ใช่เพียงแค่บรรพบุรุษเท่านั้นที่ชาวจีนให้ความสำคัญ แต่อาหารก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อถึงเวลาต้องจัดงานเฉลิมฉลอง ชาวจีนจะมีการทำอาหารซึ่งเชื่อว่ามีความมงคลมาเป็นส่วนประกอบในพิธีต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “บะจ่าง” อาหารอันมีที่มาจากตำนานความรักชาติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามคติจีน ตำนานความรักชาติ ที่มาของการไหว้บะจ่าง เทศกาลไหว้บะจ่าง หรือ ตวงโหงวโจ่ย จัดขึ้นในช่วงวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เทศกาลนี้มีที่มาจากตำนาน “กวีผู้รักชาติ” ชีหยวน กวีรักชาติผู้ซื่อสัตย์ ในยุคสมัยของเลียดก๊ก มีข้าราชการผู้หนึ่งนามว่า “ชีหยวน” เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางการแต่งบทกวีและการบริหารบ้านเมือง ชีหยวนคอยเป็นที่ปรึกษางานราชกิจการบ้านการเมืองให้แก่กษัตริย์ นอกจากความรู้ที่มีแล้วชีหยวนยังเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์และยึดมั่นในคุณธรรมทำให้เขาได้รับความโปรดปรานจากกษัตริย์เป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความริษยาต่อตัวของเขาในหมู่ขุนนางจึงทำให้ชีหยวนนั้นถูกกลั่นแกล้งในการทำงาน และความเชื่อใจของเขาที่กษัตริย์มีให้ก็ได้ถูกลดทอนลง เมื่อมีศัตรูเข้ามาบุกยึดเมืองทำให้กษัตริย์ไม่เชื่อคำพูดว่าของชีหยวนว่าห้ามทำศึก ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเมืองไป แต่กษัตริย์กลับไม่เชื่อคำพูดของชีหยวน สุดท้ายก็แพ้การศึกและเสียเมืองให้ศัตรู  ตามหาศพ ต้นกำเนิดบะจ่าง ชีหยวนได้แต่งกวีบทหนึ่งพรรณาถึงความเศร้าโศกเสียใจที่บ้านเมืองตกไปเป็นของศัตรูเอาไว้ ก่อนจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ด้วยความผิดหวังในวันที่ 5 เดือน 5 เมื่อชาวบ้านทราบเรื่องเข้าต่างก็รู้สึกอาลัยในตัวชีหยวนเป็นอย่างมาก จึงได้มีการพายเรือตามหาศพของชีหยวน เพื่อกู้ศพขึ้นมาประกอบพิธีศพให้ถูกต้องแต่ด้วยความที่ในน้ำบริเวณนั้นมีปลาและสัตว์น้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงกลัวว่าปลารวมถึงสัตว์น้ำเหล่านั้นอาจจะมาแทะกินศพของชีหยวนจนได้รับความเสียหาย จึงได้นำข้าวมาห่อด้วยใบไผ่แล้วโยนลงไปในน้ำเพื่อให้เป็นอาหารของสัตว์แทน

เปิดที่มา “บะจ่าง” อาหารมงคลในตำนานที่ก่อเกิดเป็นเทศกาลสำคัญในปัจจุบัน Read More »

เข้าพรรษา

วันเข้าพรรษาเป็นหนึ่งในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจของชาวพุทธ  วันเข้าพรรษาคือวันที่พระสงฆ์เริ่มอยู่ประจำที่วัดใดวัดหนึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือนในฤดูฝน โดยไม่เดินทางไปค้างแรมที่อื่น เรียกว่า “จำพรรษา” การจำพรรษานี้เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้พระสงฆ์เหยียบย่ำพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในช่วงฤดูฝน  สำหรับพระสงฆ์ การเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาแห่งการศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์  กิจกรรมสำคัญในวันเข้าพรรษา ถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน: ถือเป็นประเพณีที่สำคัญมาช้านาน เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้เทียนเพื่อจุดให้แสงสว่างในการปฏิบัติศาสนกิจยามค่ำคืน และใช้ผ้าอาบน้ำฝนเพื่อผลัดเปลี่ยนไตรจีวรในช่วงฤดูฝน ทำบุญตักบาตรและฟังธรรม: พุทธศาสนิกชนจะไปวัดเพื่อร่วมทำบุญตักบาตรอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเข้าพรรษา และใช้โอกาสนี้ในการฟังธรรมจากพระสงฆ์ เพื่อนำหลักธรรมคำสอนไปปรับใช้ในชีวิต งดเว้นอบายมุข: หลายคนตั้งใจจะถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด หรืองดเว้นการดื่มสุราและสิ่งเสพติดในช่วงเข้าพรรษา เพื่อเป็นการฝึกฝนตนเองและลดละกิเลส ทําบุญเข้าพรรษา ถวายอะไรดี ? ของถวายทำบุญนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่พระสงฆ์สามารถถวายใช้งานได้จริงโดยถวายตามกำลังที่มี สบู่ ยาสีฟัน แชมพู แปรงสีฟัน สบง จีวร ผ้าอาบน้ำฝน เทียนพรรษา หลอดไฟ ไฟฉาย ยาสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ยาแก้ปวดท้อง ท้องเสีย เบตาดีน ฯลฯ อาหารแห้ง  ยากันยุง สเปรย์ฉีดกันยุง ยาหม่อง เครื่องเขียน

เข้าพรรษา Read More »

สารทจีน บรรพบุรุษกลับมาเยี่ยมลูกหลาน พร้อมเปิดเส้นทางทัวร์นรกตามความเชื่อชาวจีน

วันสารทจีน หรือ ตงง้วงโจ่ย เป็นเทศกาลรำลึกถึงวิญญาณบรรพบุรุษจะจัดขึ้นวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน วันสารทจีนเป็นวันที่มีประวัติความเป็นมา รวมถึงตำนานเรื่องเล่าและประเณีที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ประวัติที่มา ตำนานความเชื่อ เทศกาลสารทจีน ประวัติวันสารทจีน ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ เทศกาลสารทจีน มีที่มาจากการไหว้บรรพบุรุษประจำฤดูใบไม้ร่วงที่เรียกกันว่าฤดูชู้สู้ (處暑) ซึ่งเป็นฤดูกาลย่อยหนึ่งใน 24 ฤดูกาลของประเทศจีน โดยมีการกำหนดเอาวันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันสำหรับจัดพิธีการไหว้บรรพบุรุษ คาดว่าพิธีการไหว้นี้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน หรือราวช่วง2,100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีการไหว้บรรพบุรุษนี้จะจัดขึ้นเฉพาะภายในวังหลวงเป็นธรรมเนียมประจำปีของเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูงเท่านั้น ก่อนที่จะมีการแพร่หลายออกไปสู่ผู้คนภายนอกวังหลวง จนเกิดเป็นธรรมเนียม สารทการไหว้บรรพบุรุษ ที่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน จากการไหว้บรรพบุรุษ สู่การไหว้ผีไม่มีญาติ การปรับเปลี่ยนธรรมเนียมการไหว้สารทจีนให้เป็นเทศกาลเซ่นไหว้วิญญาณไร้ญาติ จากเดิมทีที่เป็นการไหว้ฤดูใบไม้ร่วงเพื่อแสดงความกตัญญูและขอพรกับบรรพบุรุษนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ลัทธิเต๋ามีความรุ่งเรืองไปจนกระทั่งถึงช่วงของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ตามอิทธิพลทางด้านความเชื่อที่เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา ที่ว่าด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศล ตำนานสารทจีน นอกจากความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์แล้ว สารทจีน ยังมีความเป็นมาจากตำนานเรื่องเล่าทั้งหมด 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ ตำนานการอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณร้าย ตามความเชื่อของชาวจีนเกี่ยวกับเรื่องของโลกหลังความตาย วิญญาณจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ประเภท คือวิญญาณดีและวิญญาณที่ทำบาปหนัก วิญญาณดีจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือเมื่อตายก็จะได้ไปอยู่ที่แดนสุขาวดี

สารทจีน บรรพบุรุษกลับมาเยี่ยมลูกหลาน พร้อมเปิดเส้นทางทัวร์นรกตามความเชื่อชาวจีน Read More »

วันไหว้พระจันทร์ ขอพรความรักให้สุขสมหวัง เปิดรับพลังแห่งความงาม

วันไหว้พระจันทร์ คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติจีน ภาษาจีนอ่านว่า “จงชิวเจี๋ย หรือ ตงชิวโจ่ย” (中秋節) มีความหมายว่า “เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง” ซึ่งตรงกับช่วงเวลาแห่งฤดูกาลเก็บเกี่ยว ทำให้มีท้องฟ้าที่แจ่มใส ไร้เมฆฝน อากาศปลอดโปร่ง ดวงจันทร์แจ่มกระจ่างเต็มดวง ประวัติที่มา กำเนิดวันไหว้พระจันทร์ เรื่องเล่าขานจากตำนานแห่งความรัก วันไหว้พระจันทร์ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ วันไหว้พระจันทร์ ถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูชิวฮุง(秋分) ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงของชาวจีน ในอดีตเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิฮ่องเต้จะทำพิธีไหว้พระอาทิตย์ก่อน แล้วจึงค่อยจัดพิธีการไหว้พระจันทร์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ในขณะที่ชาวบ้านก็จะมีการไหว้พระจันทร์เพื่อให้พืชผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ ในช่วงวันที่ 15 เดือน 8 เช่นเดียวกัน นอกจากการไหว้พระจันทร์ของฮ่องเต้แล้ว ยังมีการไหว้ของฮองเฮาที่มักจะทำคู่กันอย่างการไหว้เทพผู้เฒ่า ซึ่งเป็นการไหว้ดวงดาวประจำทิศใต้ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้มีอายุยืนยาว ตำนานฉางเอ๋อ เทพธิดาบนดวงจันทร์ ฉางเอ๋อ (嫦娥) เป็นเทพธิดาที่อยู่บนดวงจันทร์ตามความเชื่อของลัทธิเต๋า ในอดีตฉางเอ๋อเป็นคนรักของโฮวอี้ นักแม่นธนูของสวรรค์ โฮวอี้ได้รับภารกิจให้ไปกำราบพระอาทิตย์ซึ่งมีหมด 10 ดวงและพากันคึกคะนองส่องแสงเล่นพร้อมกันจนทำให้เกิดความเดือนร้อน โฮวอี้ได้ยิงธนูดับดวงอาทิตย์ไปทั้ง 9 ดวง จนทำให้โลกเหลือพระอาทิตย์แค่ดวงเดียวทำให้จักรพรรดิมสวรรค์ไม่พอใจ จึงได้เนรเทศโฮวอี้พร้อมกับฉางเอ๋อให้ลงไปอาศัยอยู่ยังโลกมนุษย์ ต่อมาทั้งสองทำความดี จึงได้รับพระราชทานยาอายุวัฒนที่จะทำให้มีอายุยืนยาวมาเป็นรางวัล แต่กลับถูกอสูรที่มีฤทธิ์คิดจะชิงเอาไป ด้วยความกลัวว่าอสูรตนนั้นเมื่อได้ดื่มยาอายุวัฒนแล้วจะมีพลังมากกว่าเดิม

วันไหว้พระจันทร์ ขอพรความรักให้สุขสมหวัง เปิดรับพลังแห่งความงาม Read More »

อิ่มบุญครั้งใหญ่ในช่วงกินเจ เทศกาลแห่งการทำบุญเสริมความมงคล

ความเป็นมาเทศกาล เจ กินผักรับบุญ ประวัติเทศกาลกินเจ เทศกาลกินเจ หรือ เทศกาลถือศีลกินผัก ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปีตามปฏิทินจันทรคติจีน มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ชาวจีนมีความเชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่รับของเซ่นไหว้หรือใส่ใจผู้ที่มลทิน ดังนั้นก่อนทำพิธีเซ่นไหว้ต่าง ๆ พวกเขาจะทำการชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ที่สุด โดยการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ถือศีลงดอาหารคาว งดประพฤติในกาม ซึ่งต้องปฏิบัติตามระยะเวลาที่กำหนด และนี่คือ “จุดเริ่มต้น ของประเพณีกินเจ” นิยามของ “การกินเจ” ในปัจจุบัน ผ่านเวลาหลายทศวรรษ ส่งผลให้การกินเจมีความเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เทศกาลการกินเจ จากจีน สู่ไทย เทศกาลกินเจในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานว่าเริ่มต้นขึ้นในสมัยใดแต่หากย้อนกลับไปและอ้างอิงหลักฐานในทางประวัติศาสตร์ พบว่ามีความเป็นไปได้ที่เทศกาลกินเจจะถูกนำเข้ามาเผยแพร่ยังประเทศไทยโดยคณะงิ้วและกลุ่มอั้งยี่ ซึ่งเป็นคนจีนที่อพยบโยกย้ายเข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทย จึงได้นำเอาประเพณีการกินเจเข้ามาด้วย แล้วผสมเข้ากับวัฒนธรรมในประเทศไทยจนก่อให้เกิดเป็นเทศกาลกินเจอันมีเอกลักษณ์สืบมาจนถึงปัจจุบัน ความหมายของตัวอักษร เจ บนธงสีเหลือง เจ (齋) ตัวอักษรที่เขียนเอาไว้บนธงสีเหลือ แปลว่า “การงดเว้นเพื่อความบริสุทธิ์” ตัวอักษรเจนั้นเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจ ที่ไม่ใช่เพียงบอกให้งดเว้นในการทานเนื้อสัตว์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องงดเว้นจากอบายมุข

อิ่มบุญครั้งใหญ่ในช่วงกินเจ เทศกาลแห่งการทำบุญเสริมความมงคล Read More »

ฤกษ์งามยามดี คืออะไร

เราอาจเคยได้ยินคำว่า “ฤกษ์ดี” “ฤกษ์มงคล” “ฤกษ์ยามงามดี” มาบ้างแล้ว เมื่อต้องการแต่งงาน เปิดกิจการ ขึ้นบ้านใหม่ หรือซื้อรถก็ต้องไปดูฤกษ์ดีก่อนเสมอเพื่อให้เกิดความสิริมงคลในชีวิต ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีตั้งแต่ก้าวแรก แล้ว “ฤกษ์ยามงามดี” ที่ว่านี้คืออะไร น่าเชื่อถือหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบ ความหมายของฤกษ์งามยามดี คำว่า “ฤกษ์” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้คำนิยามไว้ว่า “คราว หรือเวลาที่กำหนดซึ่งคาดว่าจะให้ผล เช่น ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล มักนิยมใช้ในทางที่ดี เช่น หาฤกษ์แต่งงาน หาฤกษ์คลอดบุตร”ดังนั้น ฤกษ์งามยามดี คือช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการประกอบพิธีมงคลต่างๆ เพื่อให้การดำเนินพิธีตลอดจนชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องมีความสงบสุข ราบรื่น และเจริญรุ่งเรืองสืบไป ฤกษ์งามยามดีมาจากไหน? “ฤกษ์งามยามดี” มาจากการคำนวณทางโหราศาสตร์หลากหลายแขนงของแต่ละพื้นที่ โดยสำนักโหราศาสตร์น่ำเอี๊ยง ใช้การคำนวณทางโหราศาสตร์จีน โดยการนำ วัน เดือน ปี และเวลาเกิด มาทำการขึ้นดวงแผนภูมิสวรรค์ หรือที่เรียกว่า โป๊ยหยี่สี่เถียว (八字四住) จากนั้นเลือกสรรฤกษ์งามยามดีอย่างพิถีพิถันในกรอบของช่วงเวลาที่ต้องการทำพิธี โดยเลือกวันที่มีดวงดาวมงคลเคลื่อนตัวมาอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อส่งเสริมพิธีนั้นๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีขึ้นบ้านใหม่

ฤกษ์งามยามดี คืออะไร Read More »

เทศกาลตังโจ่ย (冬節) ของชาวจีนทางเหนือและชาวจีนทางใต้แตกต่างกันอย่างไร?

เทศกาลตังโจ่ย ถือเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากทั้งสำหรับชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน เรียกได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้ช่วงเวลาตรุษจีนเลยทีเดียว เมื่อถึงเทศกาลนี้ ชาวจีนในแต่ละท้องถิ่นจะมีการเฉลิมฉลองที่แตกต่างกันออกไป สำหรับชาวไทยที่ศึกษาวัฒนธรรมจีนอาจจะคุ้นเคยกับการรับประทานขนมบัวลอย  ในช่วงเทศกาลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมที่เราคุ้นเคยกันนั้นเป็นของชาวจีนทางใต้ เช่น จีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง จีนแคะ ส่วนชาวจีนทางเหนือกลับไม่ได้ทานขนมบัวลอยในเทศกาลดังกล่าว 冬至 “ตังจี่” ไม่ใช่ชื่อเทศกาล เชื่อว่าหลายท่านอาจเคยเห็นคำว่า 冬至快樂 (สุขสันต์เทศกาลตังโจ่ย) กันมาบ้างแล้ว และอาจเข้าใจว่า 冬至 “ตังจี่” นั้นเป็นชื่อเทศกาล แท้จริงแล้วคำว่า 冬至 “ตังจี่” หมายถึงสารทลำดับที่ 22 จากทั้งหมด 24 สารทฤดู โดยวันแรกของสารทนี้มักตรงกับวันเหมายัน (Winter Solstice) ซึ่งเป็นวันที่ช่วงเวลากลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี หรือกล่าวในอีกมุมหนึ่งได้ว่าเป็นช่วงที่มีพลังงานหยินมากที่สุด และนับจากวันนี้เป็นต้นไปพลังงานหยางก็จะเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงวันครีษมายัน (Summer Solstice) หรือในภาษาจีนคือ 夏至 “แฮจี่” ส่วนเทศกาลไหว้ขนมบัวลอยนั้น หากต้องการเรียกให้ถูกต้องจริง ๆ จะต้องเรียกว่า 冬節 (อ่านว่า ตังโจ่ย) แปลว่าเทศกาลฤดูหนาว หรือเทศกาลไหว้ขนมบัวลอยนั่นเอง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 24 ฤดูกาลของจีนได้ที่บทความ: 24 สารทฤดู (二十四節氣) และอาหารการกินของคนจีน ชาวจีนทางเหนือไม่ได้กินบัวลอยในเทศกาลตังโจ่ย ชาวจีนทางใต้จะนิยมกินขนมบัวลอยกันในเทศกาลดังกล่าว เพราะชาวจีนเชื่อว่า ขนมบัวลอย (湯圓) คือตัวแทนของความสมบูรณ์ (圓滿) และตัวแทนของความสามัคคีกลมเกลียวกันภายในครอบครัว

เทศกาลตังโจ่ย (冬節) ของชาวจีนทางเหนือและชาวจีนทางใต้แตกต่างกันอย่างไร? Read More »

Scroll to Top